คุณพ่อคุณแม่หลายๆ บ้านคงคิดว่าการซักชุดเด็กก็เหมือนกับการซักผ้าทั่วไป แต่ความคิดที่ว่านี้ผิดถนัดเพราะการซักชุดเด็กนั้นมีรายละเอียดมากกว่าที่คุณคิด ผิวของเด็กน้อยนั้นบอบบางมาก การซักทำความสะอาดชุดเด็กจึงต้องพิถีพิถันมากกว่าเดิมอีกหลายขั้นตอนเพื่อให้ปราศจากสารตกค้าง ที่อาจเป็นอันตรายต่อผิวลูกน้อย วันนี้เรามีขั้นตอนการซักชุดเด็กให้สะอาดและไม่ทิ้งสารตกค้างอันตรายต่อผิวลูกน้อยมาฝากกัน
แยกเสื้อผ้าเด็กเป็นกลุ่มๆ
ก่อนอิ่นในการซักผ้า ไม่ว่าจะเป็นการซักชนิดไหน การแยกกลุ่มผ้าเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันการสีตก ป้องกันคราบสกปรกที่อาจหลุดออกจากชุดหนึ่งไปอีกชุดหนึง หรือแม้แต่การถนอมเนื้อผ้าก็ล้วนแล้วแต่ต้องแยกกลุ่มผ้าทั้งสิ้น โดยเราจะแบ่งผ้าออกเป็น 3 กลุ่มดังนี้
กลุ่ม 1 : ชุดที่เลอะคราบหนัก
กลุ่ม 2 : ชุดเด็กเล็กที่มีโอกาสสีตก
กลุ่ม 3 : เสื้อผ้าเด็กชิ้นเล็กๆ เช่น ถุงเท้า ถุงมือ หมวก
เลือกวิธีการซักและน้ำยาซักที่เหมาะสม
หลังจากที่เราแบ่งกลุ่มของชุดเด็กมาเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อมาก็คือวิธีในการซักนั่นคือการซักมือและซักเครื่อง
ซักด้วยมือ
การซักด้วยมือเหมาะสมกับจำนวนชุดเด็กที่ไม่เยอะมากนัก อาจเป็นการซักแบบฉุกเฉินในเวลาที่ชุดของลูกน้อยเปื้อนคราบสกปรกต่างๆ หรือ จำนวนของชุดที่จะซักนั้นมีไม่เยอะ ประมาณ 5 - 10 ชิ้น ซึ่งข้อดีของการซักด้วยมือนั้นเราสามารถที่จะควบค ุมแรงซักได้ แต่ก็ต้องแลกไปกับความเหนื่อย โดยขั้นตอนการซักชุดเด็กด้วยมือจะมีดังนี้
แยกกลุ่มผ้าคราบหนัก - เพื่อป้องกันไม้ให้ความสกปรกของชุดเด็กที่เปื้อนคราบหนักมีโอกาสไปเลอะกับชุดทั่วไปที่ไม่ได้สกปรกมาก
น้ำยาซักผ้าสูตรเฉพาะสำหรับเด็ก - เลือกใช้น้ำยาซักผ้าที่เหมาะกับผิวบอบบาง ผ่านการทดสอบการระคายเคือง ที่สำคัญปราศจากสารฟอกขาว และสารย้อมสี เพราะสารเหล่านี้สามารถทำให้ผิวของลูกน้อยเกิดอาการแพ้ได้
ซักผ้าตามปกติ - โดยเน้นไปที่บริเวณที่มีความสกปรกมากก่อน เช่น ส่วนที่เลอะคราบ จากนั้นไล่ขยี้ไปที่ปกคอ แขนเสื้อ รักแร้ จากนั้นจึงค่อยขยี้เบาๆ ให้ทั่วทั้งชุด
ล้างน้ำเปล่าเพิ่ม 3-4 รอบ - หลังจากที่ซักแล้ว เราควรที่จะทำการล้างน้ำเปล่ามากกว่าการซักผ้าทั่วไป 1 - 2 น้ำ เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีสิ่งตกค้างใ ดๆ เหลืออยู่บนชุดของลูก
ซักด้วยเครื่อง
การซักด้วยเครื่องเป็นการซักที่ถือว่าสบายแรงซักของคุณพ่อคุณแม่ที่สุด เพราะเราสามารถใส่เครื่องแล้วก็รอเครื่องทำงานเสร็จตามโปรแกรมได้เลย อย่างไรก็ตามก่อนที่จะซักชุดเด็กด้วยเครื่องนั้นจำเป็นที่จะต้องเตรียมตัวและปรับการตั้งค่าบางอย่างก่อน เพราะเนื้อผ้า และความละเอียดอ่อนในการซักชุดเด็กนั้นต่างกับเสื้อผ้าผู้ใหญ่อย่างมาก โดยสิ่งที่ต้องทำมีดังต่อไปนี้
ทำความสะอาดเครื่องจากฝุ่น แมลง และสิ่งสกปรกสะสม - แน่นอนว่าเครื่องซัก ผ้าของเรามีการปิดฝาหลังจากใช้งานอยู่แล้ว แต่ในบางครั้งฝุ่น แมลง หรือสิ่งสกปรกจากการซักครั้งก่อนๆ นั้นสามารถที่จะค้างอยู่ในถังซักได้ ทางที่ดีเราควรที่จะทำความสะอาดด้วยโปรแกรมล้างถังซักเสียก่อน จากนั้นเช็ดทำความสะอาดเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง เพราะฝุ่น แมลงและสิ่งสกปรกเหล่านี้เป็นหนึ่งในปัจจัยการกระตุ้นให้ลูกน้อยเกิดอาการแพ้ คัน หรือไม่สบายตัวได้
2. ตรวจสอบสัญลักษณ์การซักผ้า - หลังจากที่ทำความสะอาดถังซักเรียบร้อยแล้วก็มาดูที่ชุดเด็กว่ามีข้อแม้ในการซักอย่างไรบ้าง ชุดเด็กส่วนใหญ่นั้นไม่มีข้อแม้ของการซักใดๆ เป็นพิเศษ แต่มันก็ไม่เสียหายที่เราจะตรวจสอบสัญลักษณ์ของชุดนั้นๆ ว่าสามารถทนการปั่นของเครื่อง หรือ สามารถใช้น้ำร้อนในการซักได้หรือไม่
3. โปรแกรมการซักที่เหมาะสม (อ่อนโยน) - ส่วนใหญ่แล้วนั้นเ ครื่องซักผ้าจะมีโปรแกรมการซักมาให้เรากดเลือกก่อนเริ่มการซัก ซึ่งการเลือกโปรแกรมซักผ้าสูตรอ่อนโยนนั้นจะช่วยลดโอกาสการเกิดขุยหรือเสื้อผ้าเสียรูปทรง ทั้งยังถนอมเนื้อผ้าของชุดเด็กให้อยู่ได้นานขึ้น
4. น้ำยาซักผ้าสูตรอ่อนโยน - ในส่วนของน้ำยาซักผ้าที่คุณพ่อคุณแม่เลือกใช้ ควรเป็นสูตรอ่อนโยนไม่ต่างกับน้ำยาซักผ้าที่ใช้ในการซักมือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้สารทำความสะอาดที่มีต้นกำเนิดจากธรรมชาติ ไม่แต่งสีหรือกลิ่น เพื่อลดโอกาสการเกิดผื่นแพ้ของลูก นอกจากนี้สิ่งที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษสำหรับการซักเครื่องคือ อัตราของน้ำ:น้ำยาซักผ้า:จำนวนผ้า ที่ต้องหาจุดกึ่งกลางให้พอดี เพราะหากเราใช้น้ำยาซักผ้าเยอะเกินไป โปรแกรมซักเครื่อง อาจจะล้างฟองเหล่านั้นออกไม่หมด และนำไปสู่ คราบน้ำยาซักผ้าและการระคายเคืองได้
การตาก และ เก็บผ้า
เมื่อการซักชุดเด็กนั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เหลือในส่วนของการตากที่เป็นขั้นตอนต่อไป ซึ่งในการตากชุดเด็กก็ยังมีอีกหลายสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องใส่ใจ ได้แก่