ภาวะฉุกเฉินทางสภาพภูมิอากาศ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ที่สุดของยุคสมัยนี้ แต่เราเชื่อมั่นว่าทุกความท้าทายล้วนเป็นโอกาสที่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น บรีสพร้อมตะลุยทุกความเลอะในการต่อสู้เพื่อโลกใบนี้ และเรากำลังถามหาความร่วมมือจากทุกๆ คน เพื่อช่วยกันเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีกว่าเดิม
สภาพภูมิอากาศของโลก
ผ่านการเปลี่ยนแปลงมามากกว่าพันล้านปี
แต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งไหน ที่จะรวดเร็วหรือมีความสำคัญมากเท่าครั้งนี้ และทั้งหมดเป็นผลมาจากกิจกรรมของมนุษย์ที่ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ เหตุการณ์ไฟไหม้ น้ำท่วม ภัยแล้ง และสภาพอากาศสุดขั้ว กลายเป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นจริงและบ่อนทำลายสมดุลของธรรมชาติ นี่ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั่วไป แต่เป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องรีบหามาตรการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะเมื่อเราร่วมมือกันก็จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่โลกได้ และเราก็คิดจะทำเช่นนั้น
บรีสพยายามอย่างเต็มที่เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2019 โรงงานใน 5 ทวีปของเรา เริ่มใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ มีการเพิ่มสัดส่วนพลาสติกรีไซเคิลในขวดบรีส รวมถึงยุติการใส่สารประกอบฟอสเฟตลงในผงซักฟอก ซึ่งทั้งหมดมีส่วนช่วยลดจำนวนก๊าซเรือนกระจกที่มาจากผลิตภัณฑ์ของเราได้
ถึงแม้จะยังไม่สมบูรณ์แบบ
แต่เรากำลังทำทุกวิถีทางเพื่อไปให้ถึงจุดนั้น
การลงทุนกับส่วนผสมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จะช่วยให้เราใช้พลังงานที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่การเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียนเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เมื่อเราเรียนรู้เกี่ยวกับผลกระทบที่เราก่อ เราก็จะส ามารถปรับปรุงสิ่งที่เคยทำมาได้ ถึงแม้ว่าทุกอย่างจะยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่เรากำลังทำทุกวิถีทางเพื่อไปให้ถึงจุดนั้น
เราเชื่อว่าความซื่อสัตย์สำคัญมากในการทำเพื่อโลก และเราขอพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า เราคือแบรนด์ซักผ้าที่ชื่นชอบการฟอกซักให้สะอาด (clean washing) ไม่ใช่แบรนด์ที่ชอบการฟอกเขียว (greenwashing) แต่เราก็พยายามค้นหาว่า ทำอย่างไรจึงจะช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกไปพร้อมๆ กับศึกษาวิธีการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ และเปลี่ยนมันให้เป็นโมเลกุลที่มีประโยชน์ได้ เราร่วมมือกับผู้จัดหาส่วนผสมต้นทางเพื่อให้เขาเหล่านั้นได้มีส่วนช่วยในการปกป้องโลกจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศด้วยเช่นกัน
ความยั่งยืนเป็นใช่คำพูดสวยหรูแต่เป็นวิถีชีวิต ในเดือนมิถุนายน 2020 บริษัทยูนิลีเวอร์ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบรีส ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะสร้างห่วงโซ่อุปทานสีเขียวที่ปราศจากการตัดไม้ทำลายป่าภายในปี 2023 และยุติการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากกระบวนการผลิตไปจนถึงการขายอย่างสมบูรณ์ ภายในปี 2039 ซึ่งถือเป็นการดำเนินการล่วงหน้าจากกรอบกำหนดการของความตกลงปารีส (The Paris Agreement) ในปี 2050 เพราะเรารู้ดีว่าโลกไม่มีเวลาเหลืออีกแล้ว
เรากำลังเผชิญกับความท้าทายนี้ร่วมกัน
การพาตัวเองออกไปเปื้อนเลอะเทอะ และได้สนุกกับชีวิตถือเป็นเรื่องสำคัญพอๆ กับการทำความสะอาดในภายหลังเพื่อให้เราได้ออกไปเลอะเทอะอีกครั้ง นั่นคือเหตุผลที่บรีสได้พัฒนาเคล็ดลับในการซักผ้าอย่างยั่งยืนมากขึ้น โดยเริ่มจากวิธีง่ายๆ เช่น การเลือกโปรแกรมซักผ้าแบบด่วนสำหรับการซักผ้าที่มีจำนวนน้อยชิ้นหรือมีรอยเปื้อนน้อย และการซักผ้าที่อุณหภูมิน้ำต่ำ ก็สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้เช่นกัน
พวกเราสาม ารถมีความสุขกับการเลอะเทอะในตอนนี้ และเผื่อไปถึงเด็กรุ่นใหม่ในวันข้างหน้าได้ด้วยเพราะเมื่อเราทั้งหมดเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว ภูมิอากาศก็ไม่จำเป็นต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง